‘ออมสิน’เดินเครื่อง ‘มีที่ มีเงิน’ให้กู้-รับฝากขายที่ดิน ช่วยเอสเอ็มอีมีเงิน
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งเกิดจากการร่วมทุนจัดตั้งระหว่างธนาคารออมสินถือหุ้น 49%, บมจ.ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ 31% และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น 20% มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท จะเริ่มทดลองเปิดให้บริการในวันที่ 1 พ.ย.65 ใน 5 จังหวัดกรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร และจะเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 1 ธ.ค.65 ก่อนจะขยายบริการไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 ม.ค.66 เป็นต้นไป เพื่อหวังช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนมีดอกเบี้ยที่เป็นธรรม โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีละไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดสินเชื่อที่ดินของบริษัทมีที่มีเงิน ให้วงเงินกู้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีที่ดิน บุคคลธรรมดา 300,000 บาท ถึง 10 ล้านบาท นิติบุคคล 300,000 บาท ถึง 50 ล้านบาท มีดอกเบี้ยเพียง 6.99-8.99% ต่อปี ต่ำกว่าในตลาดที่อยู่ 12-13% หากกรณีฝากขายดอกเบี้ยจะสูง 15-30% ต่อปี โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 70% ของราคาประเมินราชการ มีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และปลอดชำระเงินต้น 1 ปี ที่สำคัญคือ ไม่ตรวจเครดิตบูโร ไม่ตรวจสอบรายได้ และไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ซึ่งธนาคารจะดูที่ดินที่เป็นหลักประกันเป็นหลักคำพูดจาก เว็บปั่นสล็อต
“หลักๆ จะดูคุณภาพที่ดิน ไม่ตรวจเครดิตบูโร และจะเน้นกระบวนการอนุมัติที่รวดเร็ว แต่มีประสิทธิภาพมาก เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยหลักธุรกิจมีที่มีเงินจะต้องอนุมัติสินเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีลูกค้าให้ได้ภายใน 3-5 วัน หากแจ้งวงเงินเข้ามาใน 1 วันทำการ กระบวนการอนุมัติจะต้องมีความรวดเร็ว โดยจะใช้วิธีการคนละแบบกับธนาคาร รวมทั้งยังสามารถรับขายฝากและรีไฟแนนซ์ได้ด้วย เพื่อหวังแก้ปัญหาให้เอสเอ็มอีในเรื่องสภาพคล่อง และยังไม่รับที่ดินจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์”
นายวิทัย กล่าวว่า ในอนาคตหากมีโอกาส อาจนำบริษัทมีที่มีเงินเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เช่นกัน แม้ปัจจุบันยังไม่ได้วางแผนที่จะเข้าสู่ตลาดฯ เนื่องจากบริษัทมีที่มีเงินต้องการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเป็นหลัก และไม่มุ่งเน้นกำไรสูงสุดคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนผลดำเนินงานของสินเชื่อเอสเอ็มอี มีที่ มีเงิน ของธนาคารออมสินในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีตามนโยบายของรัฐ แบ่งเป็น ธุรกิจทั่วไป วงเงิน 10,000 ล้านบาท ธุรกิจท่องเที่ยว วงเงิน 10,000 ล้านบาท และสมอลล์ เอสเอ็มอี วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยทั้ง 3 กลุ่มมีการอนุมัติสินเชื่อรวมกันแล้ว 21,254 ล้านบาท