สภาพอากาศเลวร้าย ยอดผู้เสียชีวิตฤดูมรสุมในเอเชียพุ่ง 100 ศพ
เริ่มกันที่ กรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้วย โดยฝนที่ตกหนัก ทำให้น้ำในแม่สายสำคัญเอ่อล้นตลิ่ง และทะลักท่วมสิ่งปลูกสร้างในเมืองเวลานี้หลายพื้นที่ของกรุงนิวเดลี เมืองหลวงอินเดีย จมอยู่ใต้น้ำ หลังจากเกิดฝนตกหนักผิดปกติ จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมุนา แตะระดับสูงสุดในรอบ 45 ปี
นักวิทย์พบหลักฐานยืนยัน โลกเข้าสู่ยุคสมัย “แอนโทรโพซีน” แล้ว!
ญี่ปุ่นโชว์ความปลอดภัย “น้ำเสียฟุกุชิมะ” ไลฟ์สดชีวิตปลาในน้ำที่ผ่านการบำบัด
กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียเปิดเผยว่า เฉพาะพื้นที่ในกรุงนิวเดลี ในช่วงฤดูมรสุม ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1มิถุนายน จนถึงเมื่อวานนี้ ตรวจพบปริมาณน้ำฝนสูงกว่าปกติถึง 91 %
และในเดือนนี้ พบพื้นที่ดังกล่าวรับปริมาณน้ำฝนแล้ว 309 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำฝนในเดือนกรกฏาคมที่สูงเป็นอันดับสามในรอบกว่าอย่างน้อย 12 ปี ทั้งนี้ฝนที่ตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง ส่งผลทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพข้าวของขึ้นสู่ที่สูง และบางส่วนอพยพออกจากบ้านเรือนของตัวเอง ส่วนอาสาสมัครจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรได้เข้าช่วยเหลือสุนัขที่ติดอยู่ในน้ำท่วมด้วย
ล่าสุด ทางการเปิดเผยว่า ในช่วง 20 คืนที่ผ่านมาพบผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม ดินถล่มแล้วเกือบ 100 คน ขณะที่กองทัพอินเดีย และเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยกำลังพยายามซ่อมแซมประตูระบายน้ำพังทลายเพื่อให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
นอกเหนือจากอินเดียแล้ว ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่อื่นๆในภูมิภาคเอเชียเผชิญกับฝนตกชุกจนทำให้เกิดน้ำท่วม และดินถล่มเช่นเดียวกัน รวมถึงจีน และญี่ปุ่น
จีน เผชิญฝนตกหนักผิดปกติ จนสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ส่วนญี่ปุ่นมีรายงานเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์บนเกาะคิวชู ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน รวมนักการเมืองท้องถิ่น 1 คน และยังมีผู้สูญหายอีกหลายคน
ขณะที่ทางการต้องสั่งอพยพประชาชน 420,000 คนออกจากสองจังหวัดในเกาะคิวชู เช่นเดียวกับเมืองต่างๆ ทั่วญี่ปุ่นตรวจพบปริมาณฝนมากเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกันคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ได้ประกาศเตือนภัยระดับสูงเพื่อรับมือกับพายุที่พัดถล่มกรุงโซล พร้อมอพยพประชาชนในเมืองหลวงราว 135 คนออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกิดฝนตกหนัก จนทำให้เกิดไฟฟ้าดับ 4,000 ครัวเรือน เช่นเดียวกับ ฟิลิปปินส์ ทางการออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนที่พัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง หลังฝนตกหนักจนทำให้เกิดน้ำท่วม ส่วน กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เผชิญฝนตกหนักที่สุดในรอบ 3 ปี ส่งผลทำให้สัปดาห์ที่แล้วเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ 14 อำเภอจนได้รับผลกระทบ
ส่วนที่พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เผชิญกับคลื่นความร้อนแผดเผาอย่างต่อเนื่อง โดยเมืองฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐแอริโซนา เมื่อวานนี้เผชิญกับอุณหภูมิพุ่งสูงอย่างน้อย 43 องศาเซลเซียส และคาดว่า อุณหภูมิจะพุ่งสูงทุบสถิติกว่า 43 องศาเซลเซียสในวันอังคารหน้า ส่วนเมืองอื่นๆ คาดว่าจะมีอุณหภูมิพุ่งสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส และบางส่วนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ อาจเผชิญกับอุณหภูมิร้อนสูงถึง 46 องศาเซียลเซียส ทั้งนี้ หน่วยงานด้านสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯเตือนว่า คลื่นความร้อนจะส่งผลกระทบในหลายรัฐ เช่น รัฐเนวาดา รัฐโอคลาโฮมา รัฐเท็กซัส รวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย และเวลานี้มีประชาชนอย่างน้อย 93 ล้านคนอยู่ภายใต้คำแนะนำด้านสภาพอากาศร้อน
ขณะที่ ตอนใต้ของยุโรปก็เผชิญกับอุณหภูมิร้อนจัดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะประเทศกรีซ เมื่อวานนี้เผชิญกับอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านี้ ส่งผลทำให้ทางการสั่งปิดการเยี่ยมชมอะโครโพลิส (Acropolis ) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของประเทศเป็นชั่วคราวเป็นเวลา 5 ชั่วโมงเพื่อปกป้องนักท่องเที่ยวจากการถูกแสงแดดแผดเผา ทั้งนี้องค์การอวกาศยุโรป (ESA) ระบุว่า จากการตรวจสอบอุณหภูมิพื้นดินและน้ำทะเลผ่านดาวเทียม คาดการณ์ว่า อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี และโปแลนด์ อาจเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนรุนแรง และคาดว่าอุณหภูมิจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์หน้า สำหรับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุดที่เคยบันทึกไว้ในยุโรปคือ 48.8 องศาเซลเซียล ในซิซิลี เมื่อเดือนสิงหาคม 2021