คำสั่งฟ้าแลบ!เลื่อนชี้แจงขึ้นค่าไฟรอบ2ไม่มีกำหนด ไล่ไปหามาตรการเยียวยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้แจ้งยกเลิกกำหนดการชี้แจงตอบข้อซักถามค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดใหม่ ก.ย.-ธ.ค. 65 กะทันหันในเวลา 10.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่นัดผู้สื่อข่าวแถลงข่าวที่เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-11.30 น. และมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวไว้เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ถือเป็นการเลื่อนแถลงข่าวครั้งที่ 2 จากกำหนดการเดิมในวันที่ 1 ส.ค. ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องไปรอเก้อเป็นจำนวนมาก และงุนงงกับการเลื่อนชี้แจงอย่างกะทันหันครั้งนี้
ทั้งนี้จากเดิมนายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เตรียมชี้มติคณะกรรมการ กกพ.เห็นชอบค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที งวด ก.ย.-ธ.ค. 65 ที่ต้องขึ้นจากงวดที่แล้ว 68.66 สตางค์ต่อหน่วย เป็นอัตราที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมค่าไฟฐานเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาทต่อหน่วย ซึ่งทาง กกพ.ได้มีการแจ้งให้ 3 การไฟฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว เป็นไปการประกาศเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า การยกเลิกการแถลงข่าวอย่างกะทันหัน ทั้งที่มีการเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้ว เนื่องจากช่วงเช้าของวันที่ 5 ส.ค. ทาง กกพ.ได้รับคำสั่งจากผู้บริหารระดับสูงในทำเนียบรัฐบาล ให้เลื่อนการแถลงข่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าทาง กกพ.จะหามาตรการเยียวยาการปรับขึ้นค่าไฟในครั้งนี้ก่อน จากที่ผ่านมาทางผู้บริหารระดับสูงในทำเนียบรัฐบาล พยายามให้เลื่อนการปรับขึ้นค่าไฟ หรือให้ลดอัตราการปรับขึ้น ซึ่งมีการประชุมร่วมกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทาง กกพ. ยืนยันชัดเจนว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากจะเป็นภาระหนักให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ต้องแบกหนี้กว่า 1 แสนล้านบาท จะส่งผลต่อความมั่นคงทางด้านพลังงานในอนาคต
ทั้งนี้ในทางกฎหมายของ กกพ. ณ ปัจจุบันนี้การปรับขึ้นค่าไฟงวดใหม่ 68.66 สตางค์ต่อหน่วย มีผลบังคับใช้ 1 ก.ย. ตามที่ กกพ.ได้แจ้งไปยัง 3 การไฟฟ้าแล้ว แต่อาจจะมีมาตรการเยียวยาออกมาช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มๆ ยกเว้นทาง กกพ.จะถูกบีบหนักจากผู้บริหารระดับสูงในทำเนียบรัฐบาล ให้เลื่อน หรือให้ลด ต้องมีการประกาศกลับมติใหม่อีกครั้ง ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นในการประกาศการพิจารณาค่าเอฟทีของ กกพคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. จึงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วกรณีนี้จะจบลงอย่างไร